การก้าวผ่านจาก
โลกปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคเก่า ไปสู่ โลกดิจิตอล
ทำให้ความต้องการของตลาดแรงงานเปลี่ยนไป
ทักษะต่าง ๆ ที่เป็นการทำซ้ำ ๆ (routine-work)
ไม่เพียงพออีกต่อไป
เพราะคอมพิวเตอร์สามารถทำแทนได้ แล้วเด็กยุคใหม่จะทำอย่างไร
องค์กรWEFวิจัยออกมาว่าทักษะที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในศตวรรษที่ 21 คือทักษะด้านการเข้าสังคมและอารมณ์ (Social & Emotional Skill) และความต้องการที่มีต่ออาชีพที่มีทักษะเหล่านี้มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในหลายปีที่ผ่านมา
WEF กำหนดทักษะในศตวรรษที่21 ไว้ทั้งหมด 16 ทักษะ โดยแบ่งเป็น 3หมวด ซึ่งตอบโจทย์ในเรื่องของ
ทักษะการใช้ชีวิตให้เหมาะกับบริบทของโลกปัจจุบัน
ทักษะในการจัดการกับความท้าทายในชีวิต และทักษะการรับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
โดยกระบวนการที่ใช้ในการสร้างทักษะเหล่านี้ไม่สามารถสร้างได้จากจากกระบวนการที่ใช้ในห้องเรียนแบบเดิมๆ
การใช้Gamification & Game-Based Learning, Simulation Game, และ Coach & Facilitator เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ช่วยขับให้เกิดการสร้างทักษะแห่งศตวรรษที่21 โดยเฉพาะด้าน Social & Emotional Skill ได้
การศึกษายุคใหม่นั้น
เด็กจำเป็นต้องรู้วิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้องและมี Growth Mindset ให้มากขึ้น
คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ให้มากขึ้น ครูต้องเปลี่ยนบทบาทจาก Lecturer เป็น Facilitatorในขณะที่โรงเรียนและหลักสูตรต้องมีการปรับตัวและเปิดโอกาสให้มีการสร้างหลักสูตรใหม่ๆอย่างรวดเร็ว
"ห้องเรียนแม่พิมพ์ไม่ได้ผิด
แต่มันตกยุคไปแล้ว”
พวกเราหลายๆคนคงไม่ต่างกันที่โตมาพร้อมกับห้องเรียนยุคเก่า ห้องเรียนที่มีครูอยู่หน้าห้องพร้อมสไลด์หรือแผ่นใส นักเรียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ บรรยากาศเงียบกริบ ครูพูด นักเรียนมีหน้าที่คือฟัง ใครพูดแทรกถือว่าไม่เคารพ หลายๆคนน่าจะคุ้นชินกับภาพแบบนี้ ภาพของ ‘ห้องเรียนแม่พิมพ์’ ที่ผลิตนักเรียนพิมพ์เดียวกันออกมาเป็นพันๆหมื่นๆคน ให้มีความรู้เหมือนๆกันตามที่โลกต้องการ โลกแห่งยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
เราเคยเชื่อว่าการนั่งฟังในห้องเรียนเฉยๆจะเพียงพอ
และทำให้เราพร้อมจะออกไปเผชิญโลก เราเคยเชื่อว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
แต่ในตอนนี้.. ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ โลกในซีรีย์ sci-fi มันมาเร็วกว่าที่คิด
เด็กยุคใหม่จะต้องถูกเปลี่ยนบทบาทจากพิมพ์เดิมๆที่ถูกสร้างขึ้นมาเติมตลาดแรงงานเดิมๆที่ทำสิ่งซ้ำๆในกรอบเดิมๆ
ให้กลายเป็นบทบาทของผู้ริเริ่มสร้างสรรค์และผู้สร้างนวัตกรรมที่หุ่นยนต์แทนที่ไม่ได้ให้ได้
เพราะอาชีพที่จะหายไปก่อนคืออาชีพที่ไม่ใช้ความซับซ้อนในการวิเคราะห์และตัดสินใจ
และเป็นการทำซ้ำ ความซับซ้อนของโลกยุคใหม่จะหมุนความท้าทายต่างๆที่ไม่ซ้ำแบบ
มาให้กับเด็กรุ่นใหม่ได้ตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหา จากปัญหาเดิมๆจะกลายเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและsensitiveมากขึ้น
ความสามารถที่เด็กยุคใหม่ต้องมีจึงไม่ใช่การทำงานเดิมหรือคิดเรื่องเดิมๆซ้ำๆ (routine
work) อีกต่อไป
21st-Century Skill คืออะไร? และมีอะไรบ้าง?
ถ้าจะแปลกันให้ตรงตัว21st-Century Skill ก็คือ ‘ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21’ ซึ่งมันก็คือ ทักษะต่างๆที่เด็กหนึ่งคนควรจะต้องมีเพื่อใช้ชีวิตอยู่ ‘ให้รอด’ เมื่อเกิดและเติบโตมาในโลกยุคนี้นั่นเอง
ศตวรรษที่ 21 (21st-Century Skill) ออกมาเป็น 16ทักษะ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่
1.Foundational Literacies กลุ่มทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ใน ‘การปฏิสัมพันธ์กับบริบทที่แตกต่างกัน’ ซึ่งแปลง่ายๆก็คือ ‘อยู่ที่ไหนแล้วต้องใช้อะไรบ้าง’ นั่นเอง
2.Competencies กลุ่มทักษะที่ต้องนำมาใช้ใน ‘การจัดการกับปัญหา’ หรือความท้าทายที่ต้องเจอในชีวิต ซึ่งความท้าทายเหล่านั้นจะมีความซับซ้อนขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับความท้าทายในโลกเก่า โดยกลุ่มทักษะนี้จะเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ร่วมกันในการวิเคราะห์ปัญหาให้ถูกจุด (Critical Thinking) สร้างวิธีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (Creativity) รวมทั้งสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่น (Communication& Collaboration) เพื่อแก้ปัญหานั้นให้ได้
3.Character Qualities กลุ่มทักษะที่ใช้ใน ‘การจัดการตัวเองกับสภาพสังคม’ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น ความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity) การริเริ่มสร้างสรรค์ (Initiative) ความพยายามในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ (Persistence/Grit) ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสังคมและสภาพแวดล้อม (Adaptability) ความเป็นผู้นำ (Leadership) และ ความตระหนักถึงสังคมและวัฒนธรรม (Social & Cultural Awareness)
เราจะสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ได้ยังไงบ้าง?
บทบาทของครูที่เป็น ‘ผู้ถ่ายทอดความรู้’ (Lecturer)จึงต้องถูกเปลี่ยนเป็น ‘ผู้สร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้’ (Facilitator)โดยหน้าที่ของครูนั้นจะไม่ใช่การแค่มาสอนหน้าห้องอีกต่อไป แต่จำเป็นต้องใช้กระบวนการที่ให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนผ่านการลงมือทำจริง โดยครูเป็นผู้ให้คำแนะนำและแนะแนวทางแทน
สิ่งที่น่าสนใจของทักษะเหล่านี้ก็คือ
ควรสร้างให้เด็กตั้งแต่เนิ่นๆ ยิ่งเร็วยิ่งดี
หากเริ่มได้ตั้งแต่เด็กเล็กยิ่งได้เปรียบและสร้างได้ถาวรกว่า
ส่วนเด็กโตนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องสอนชดเชย และขาดไม่ได้เช่นกัน
สิ่งที่การศึกษาไทยต้องเปลี่ยนมีอะไรบ้าง?
เมื่อเราได้ทำความรู้จัก ทักษะในศตวรรษที่ 21กันไปแล้ว คำถามสำคัญต่อไป คือ การศึกษาของไทยจะต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง?หรือ ภาพไหนกันที่เราควรจะต้องเห็นภายในไม่กี่ปีข้างหน้า?
สำหรับ.. ตัวเด็กเอง เด็กยุคใหม่จะอยู่นิ่งและปล่อยชีวิตให้ไหลไปตามระบบไม่ได้อีกต่อไป ในเมื่อระบบปัจจุบันไม่ได้ขยับขึ้นมาให้ทันโลกได้เร็วพอ เด็กเองจึงต้องตั้งคำถามกับตัวเองให้มากขึ้นและบ่อยขึ้น ว่าตัวเองชอบอะไร ถนัดอะไร อยากจะมีชีวิตแบบไหน เรียนรู้ที่จะเรียนด้วยตัวเอง (Learn how to Learn) วิเคราะห์และตอบตัวเองให้ได้ว่าทักษะไหนในศตวรรษที่ 21 ที่ตัวเองขาดอยู่ และ ออกจาก Comfort Zone ของตัวเองเพื่อไปเติมทักษะเหล่านั้นให้เต็ม ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถสร้างได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘Growth Mindset’
สุดท้ายนี้.. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกคนที่สนใจในทักษะในศตวรรษที่21ตลอดจนการเรียนการสอนแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ครู ผู้บริหารสถานศึกษา หรือแม้กระทั่งผู้ที่อยากจะเปลี่ยนการศึกษาไทยไปด้วยกัน เราเชื่อว่าการศึกษาไทยต้องถูกเปลี่ยน แต่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันจึงจะเปลี่ยนได้!